ไขความรู้เกี่ยวกับการโค้ช ในความหมายที่คุณอาจไม่เคยรู้

เกี่ยวกับบทบาทของการโค้ชนี่ คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า โค้ชคือการสอน การแนะนำ และการสั่งการ แม่แต่ทางผู้เขียนเองเมื่อก่อนก็เข้าใจว่าอย่างนั้นมาโดยตลอด โดยที่เห็นๆแบบอย่างก็คือโค้ชกีฬา เราได้เห็นโค้ชช่วยวางแผน กำหนดวิธีการ แล้วก็คอยสอน คอยฝึกนักกีฬา ก็เลยคิดว่าการโค้ช ในเรื่องอื่นๆก็คงจะเหมือนกัน


มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะส่วนใหญ่แล้ว พวกเราก็มักจะเคยชินกับการมีคนมาช่วยเรา ช่วยไขปัญหาต่าางๆโดยวิธีการ แนะนำ บอก สั่ง สอน อบรม หรือชี้นำ และคิดว่าโค้ชคือคนที่ทำให้เราแพ้หรือชนะ เลยติดภาพโค้ชแบบโค้ชฟุตบอลกันไป พอมาเจอโค้ชในรูปแบบที่เป็นโค้ชจริงๆ ก็รู้สึกว่าไม่เห็นแสดงบทบาทอะไร ได้แต่ถามๆๆ

ความหมายของโค้ช

ก่อนหน้านี้ความหมายของโค้ช ไม่มีความหมายที่เป็นสากล ทำให้การตีความก็ตีความได้ตามอำเภอใจ แต่ในภายหลังได้มีการตั้งสมาพันธ์โค้ชนานาชาติ ได้ให้หลักการของการโค้ชว่า "การโค้ชคือการเป็นพันธมิตร กับผู้รับการโค้ช ในกระบวนการกระตุ้นความคิดอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ผู้รับการโค้ชได้ใช้ศักยภาพของตนเองได้อย่างสูงสุด"  ถ้าจะอธิบายสั้นๆ คือ โค้ช คือผู้ที่ช่วยกระตุ้นให้โค้ชชี่ ค้นพบคำตอบด้วยตนเอง

การโค้ชเป็นคนละขั้วกับการสอน การสั่งการ และการแนะนำ

กุญแจสำคัญของการเป็น "โค้ชคือ ผู้ที่เป็นเชื่อในตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ว่า ทุกคนมีความสามารถ ที่จะหาคำตอบได้ด้วยตนเอง"  โค้ชจะไม่มีบทบาทหลักในการบอก แนะนำ หรือสั่งการ เรียกว่าเป็นคนละขั้วกันเลยที่เดียว

 โค้ชจะต้องยินยอมที่จะไม่ใช้ศักยภาพของตนเองเพื่อชี้นำโค้ชชี่  โค้ชจะไม่ตัดสินใจให้ว่าอันใหนใช่ หรือไม่ใช่ วิธีการที่โค้ชทำก็คือ การทำให้โค้ชชี่ได้สำรวจตัวเอง และมองเห็นศักยภาพในมุมมองทั้งส่วนเหนือภูเข้าน้ำแข็ง และใต้ภูเขาน้ำแข็ง ของตนเอง

ส่วนเหนือภูเขาน้ำแข็ง ก็คือส่วนที่มองเห็น เช่น การกระทำ ท่าทาง คำพูด เหตุการณ์ น้ำเสียง  ความสามารถ ทักษะต่างๆ
ส่วนใต้ภูเขาน้ำแข็ง คือส่วนความคิด และความรู้สึก เช่น ความกลัว ค่านิยม ศรัทธา แรงบันดาลใจ ทัศนคติ

ซึ่งถ้าโค้ชชี่ได้เห็นมุมมองของตนเองทั้งส่วนเหนือและใต้ภูเขาน้ำแข็ง เขาก็จะเกิดการตระหนักรู้ และเปิดกว้างที่จะเข้าไปค้นหาทางออกร่วมกัน  โค้ชจะชวนโค้ชชี่ให้ดำดิ่งไปค้นหาคำตอบด้วยกัน โคชจะยอมเดินหลงทางไปด้วยกันกับโค้ชชี่จนกว่าโคชชี่จะเห็นทางออกด้วยตัวเขาเอง

กระบวนการที่จะทำให้เจอคำตอบ

โค้ชจะเป็นผู้ที่ช่วยให้เกิดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ทำให้โค้ชชี่ เปิดปัญญา หรือ PFC เปิด องค์ประกอบที่ทำให้เกิดปัญญาคือ
1. สมองต้องอยู่ในภาวะเงียบสงบ หรือมีคลื่นสมองอยู่ในโหมดอัลฟา  เพื่อขจัดเสียงด้านลบ หรือความคิดจร ที่เข้ามารบกวน ทำให้โค้ชชี่ไม่สามารถก้าวข้ามไปสู่คำตอบได้ โค้ชจะช่วยให้โค้ชชี่ลดความฟุ้งลง

2.การที่โค้ชชี่ต้องสำรวจความคิดตนเอง โค้ชจะช่วยให้โค้ชชี่ได้ใคร่ครวญ ทวนคิด ของตนเอง และให้ได้ยินเสียงที่จะพาโค้ชชี่ก้าวข้ามปัญหาได้ แทนที่จะได้ยินเสียงที่คอยดึงเขาไว้

3.การไม่ติดกับปัญหา มุ่งเน้นหาทางออก  ในช่วงของการโค้ชไม่ได้ห้ามไม่ให้พูดถึงปัญหา แต่ก็จะไม่จำเป็นต้องไปหาที่มาของปัญหา แต่โค้ชจะให้โค้ชชี่ตระหนักถึงเป้าหมายของตน และมุ่งเน้นทางออกที่จะไปให้ถึงเป้าหมายนั้นให้ได้  อาจจะมีคนแย้งว่า ถ้าไม่เข้าไปคุ้ยที่ปัญหาแล้วจะเห็นคำตอบเหรอ อันนั้นก็จริงอยู่บางส่วน แต่ถ้าต้องการใช้วิธีนั้นก็ต้องไม่ใช่วิธีการโค้ชแล้ว ต้องไปใช้เทคนิคการให้คำปรึกษา ซึ่งจะใช้เทคนิคการเจาะหาค้นหาต้นตอของปัญหา เน้นเหตุการณ์ในอดีต แต่โค้ช เน้นการไปสู่อนาคตตามเป้าหมายที่ต้องการ

4. ความรู้สึกที่ท้าทาย แต่ไม่กดดัน   โค้ชจะช่วยให้โค้ชชี่ ได้สัมผัสถึงความท้าทายที่เป็นไปได้ มีความตื่นเต้นที่จะได้ก้าวข้ามสิ่งนั้น โดยไม่รู้สึกว่ากดดัน เพราะความท้าทายนั้นเกิดจากแรงกระตุ้นภายในของโค้ชชี่เอง จึงเป็นความรู้สึกท้าทายที่ยั่งยืน เพราะว่าเป็นความรู้สึกที่โค้ชชี่ทำให้มันเกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง

โค้ช จะใช้เทคนิคการ ฟัง ชมเชย ถาม เป็นหลัก ถ้าจะเปรียบ การโค้ชก็เหมือนการที่  แทนที่เราจะส่งมอบปลาให้คนกิน กลับสอนให้คนเรียนรู้วิธีหาปลาด้วยตนเองนั่นเอง

ในตอนต่อไปจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับปัจจัยความสำเร็จของการโค้ช และความเชื่อที่ผิดๆเกี่ยวกับการเป็นโค้ช  ติดตามกันต่อไปนะคะ

ความคิดเห็น