มาเรียนรู้การทำงานของสมอง เพื่อที่จะเข้าใจพฤติกรรมของคนรอบข้างเรา

บางครั้ง การที่คุณนำเสนอสิ่งดีๆ ไม่ใช่ว่าเพื่อนคุณจะรับฟังหรือยอมรับเสมอไปทุกคน คุณเห็นด้วยมั๊ย!!!
เพื่อนคุณคนนั้นอาจจะมีหลายเหตุผล เช่น

  • เพื่อนเค๊าไม่อยากฟังเราพูดตั้งแต่เห็นหน้าเราแล้ว หนีไปไกลๆดีที่สุด
  • เพื่อนเค๊ารู้สึกว่าแค่ฟังประโยคแรกมันก็ไม่ใช่แล้ว ป่วยการจะฟังต่อไป เลิกพูดเหอะ
  • อาจจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่จะมีผลกระทบในด้านลบต่อเค๊า หาแนวร่วมดีกว่า
  • ในเมื่อไม่มีทางเลือก ต้องนั่งฟังคุณพูด ฉันขอฟังหูซ้ายทะลุหูขวา อยากพูดอะไรแกก็พูดไปเหอะ
ถ้าเราได้เห็นใครมีพฤติกรรมแบบนี้ หลายครั้งมันทำให้เราโกรธมากๆ หรือถึงกับสาปส่งไปเลยว่า นับแต่นี้ไป เจออะไรดีๆจะไม่เล่าให้ (แ....ง)มันฟังอึกแล้ว  และสุดท้ายสัมพันธภาพระหว่างคุณกับเพื่อนก็จะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ จนมองหน้ากันไม่ติด

พฤติกรรมแบบนี้ สามารถอธิบายได้จากกลไก การทำงานของสมอง หากคุณเข้าใจมัน คุณจะยอมรับเหตุการณ์แบบนี้ได้มากขึ้น และจะรู้ได้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร


สมองของคนเราแบ่งได้เป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ
  1. Reptile เป็นส่วนที่อยู่ข้างในสุด ตรงบริเวณท้ายทอย สมองส่วนนี้นอกจากจะมีในมนุษย์แล้ว ยังมีในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์เลื้อยคลานอีกด้วย ทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวและสัญชาตญาณและการเอาตัวรอด  
          ในภาวะที่ไม่ได้ตั้งตัวหรือขาดสติสมองส่วนนี้จะทำงาน ซึ่งจะแสดงออกมาใน 4 พฤติกรรมคือ
  • Freezing คือ นิ่ง่ไม่ตอบโต้
  • Fighting คือ ต่อต้าน หรือสู้
  • Flying คือ หลบหนี
  • Flocking คือ หาพวก หรือเข้าฝูง
            บางครั้งเราจะเรียกคนที่มีพฤติกรรมที่อยู่ในโหมด Reptile ทำงานนี้ว่า Comfort Zone คือที่ชอบๆ หรือที่ที่สบาย นั่นเอง
             ถ้าหากว่าเราอยู่ในโหมดนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ จะไม่สามารถประมวลหรือวิเคราะห์อะไรได้ ได้แต่ตอบสนองไปตามสัญชาตญาณเท่านั้นเอง
     2. Limpic  เป็นสมองส่วนกลาง มีหน้าที่รับความรู้สึก อารมณ์ เมื่อเริ่มเกิดรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้น ก็แสดงว่าได้ออกมาจากโหมด Reptile แล้ว และพร้อมที่จะรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัว  สมองส่วนนี้มีในสัตว์เลี่ยงลูกด้วยนมและมนุษย์

     3. Cortex   เป็นสมองส่วนนอกสุด แบ่งเป็นสมองส่วนซีกซ้าย ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคิดเชิงเหตุผล การคำนวณ และสมองซีกขวาเกี่ยวกับการคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ

ด้านหน้าตรงส่วนหน้าผาก จะมีส่วนที่เรียกว่า PFC (Pre Frontal Cortex) หรือเรียกอีกทีว่าตาที่สาม เป็นส่วนของปัญญา หมายความว่า เมื่อได้รับรู้สิ่งต่างๆ ถ้าสมองส้วนcortex ใช้ความคิดเชิงเหตุผลและสร้างสรรค์จินตนาการ ได้อย่างสมดุล ก็จะเกิดความเข้าใจและเกิดการคลิ๊ก หรือปิ๊งไอเดียดีๆออกมา นั่นก็คือ PFC เปิดและเกิดปัญญานั่นเอง

จะเห็นได้ว่า ถ้าหากเมื่อไหร่ เราอยู่ในโหมด Reptile เราจะไม่สามารถประเมินผลอะไรหรือเข้าใจอะไรตามความเป็นจริงได้ ซึ่งถ้าหากเราเริ่มรู้สึกว่าเรากำลังมีพฤติกรรม นิ่ง หนี เถียง หรือหาพวก ก็ต้องตระหนักว่าสิ่งที่เรารับรู้มานั้นเราจะไม่มีวันเข้าใจมันได้เลย และจะคิดอะไรไม่ออก มันตื้อไปหมด

เราต้องกระตุ้นตัวเองให้ออกมาจากโหมดนั้นเช่น การทำความรู้ตัวหรือระลึกรู้อารมณ์ในขณะนั้น เช่น รู้ว่าเรากำลังกลัว กำลังโกรธ กำลังหงุดหงิดอยู่นะ มันก็จะเป็นการยกระดับการทำงานของสมอง ออกมารับรู้ความจริงและสมองส่วน Cortex ก็จะเริ่มทำงาน คำนวณ หรือจินตนาการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้ เมื่อนั้นปัญญาของคุณก็จะเกิด และจะได้ไอเดียดีๆออกมาได้

ในทำนองกลับกัน ถ้าเราเห็นคนอื่นกำลังอยู่ในโหมด Reptile ก็ป่วยการที่เราจะพยายามใส่ข้อมูลอะไรให้เค๊าไป เพราะคงไม่รับรู้อะไร เราก็ต้องปรับโหมดก่อน ด้วยการถามเพื่อเตือนสติเขา เช่น คุณกำลังกลัวอยู่ใช่มั๊ย หรือคุณกำลังหงุดหงิดอยู่หรือเปล่า อย่างนี้เป็นต้น หากคนนั้นสามารถรู้อารมณ์ตนเองได้ ว่าตนเองกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ แสดงว่าเค๊าเริ่มพร้อมที่จะออกมารับรู้ข้อมูลต่างๆได้ และพร้อมที่จะคุยกันอย่างรู้เรื่องได้

เห็นมั๊ยว่า การนำเสนอสิ่งดีๆ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบเสมอไป มันจำเป็นต้องเข้าใจว่ามันมีเงื่อนไขอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดีที่สุดคือเราต้องเข้าใจสถานการณ์นั้นจริงๆว่า นอกจากพูดในสิ่งที่ใช่แล้ว  เราก็ต้องพูดในเวลาที่ใช่ด้วย มันจึงจะเกิดผล

ถ้าเราจะเริ่มใช้ Softside มาช่วยในการทำงาน การเข้าใจการทำงานของสมองจะช่วยให้เราเข้าใจอะไรได้ดีขึ้น และจะสามารถรับมือกับสถานการ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี





ความคิดเห็น