พูดถึงความสุขแล้ว แน่นอนว่ามันคือเป้าหมายลึกจากก้นบึ้งหัวใจ💓ของทุกคนเลย
ซึ่งแต่ล่ะคนก็จะมีนิยามของความสุขที่แตกต่างกัน
บ้างก็มีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว บ้างก็มีความสุขกับวัตถุ เช่น รถ บ้าน กระเป๋าแพงๆอันเป็นที่รัก ซึ่งก็ไม่ผิดที่ความสุขของแต่ล่ะคนจะไม่เหมือนกัน
แต่วันนี้จะเผยเคล็ดไม่ลับ..ที่เราจะมาสร้างความสุขด้วยตัว ด้วยความคิด ด้วยจิตและร่างกาย ของตัวเองล้วนๆ ให้เราตื่นขึ้นมารู้สึกสดชื่นและร่าเริง ลองเอาไปใช้กันดู รับรองการันตีว่าชีวิตดีขึ้นแน่นอน ซึ่งในบทความนี้จะแบ่งการสร้างความสุขด้วยตัวเองกัน 2 ทางคือ 1ทางร่างกาย และ 2ทางจิตใจ สปอยขนาดนี้แล้วมาดูอันแรกกัน
1.เลือกกิน!....ภาษาอังกฤษจะมีประโยคว่า you are what you eat ไม่ได้แปลว่ากินอะไรเป็นอย่างงั้นน่ะ!! เช่นกินไก่แล้วจะเป็นไก่น่ะ 5555
แต่หมายความว่า หากคุณบริโภคแต่ของอาหารดีที่คุณประโยชน์ของอาหารเหล่านั้นก็จะส่งผลดีกับสุขถาพของคุณเอง ซึ่งอาหารดีๆนั้นไม่ได้แปลว่าให้เลือกกินอาหารที่ราคาแพงๆน่ะ แต่เป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์โดยหลักการบริโถคเราเรียนมาตั้งแต่ประถมแล้วก็กลับไปทบทวนละกัน โปรตีน คารบ์ วิตามินและไขมัน ซึ่งส่วนนี้ผมจะไม่ค่อยพูดถึง
แต่!.... อาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพน่ะสิที่เราๆส่วนใหญ่มักจะลืมนึกถึง บางคนถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นมาเช่นป่วยรุนแรงทำนองนั้นล่ะก็..คงไม่หลีกเหลี่ยงหรอกครับ
อาหารที่ควรจะเหลี่ยงและที่ผมเป็นห่วงม๊ากกกที่สุดเป็นลำดับน่ะครับ
-เครื่องดื่มน้ำตาล เจ้าชาไขมุกตัวดีรู้มั้ยว่า น้ำตาลมันมากถึง เกือบ14-20ช้อนชาเลย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้บริโภคเพียง4-6ช้อนชาต่วันเอง แล้วยิ่งการตลาดสมัยนี้มีแต่ชาไขมุกเต็มบ้านเต็มเมืองเลย ของประเภทนี้ควรลดน่ะคร้าบบบ ลองมาดื่มพวกนมจืดหรือนมถั่วธัญพืช น้ำผลไม้ดูแรกๆอาจจะไม่ชินแต่เครื่องแล้วล่ะก็ ดีแน่นอน
-บุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันนี้หลายแรงมากเลิกได้ก็เลิกเลยน่ะครับ สำหรับคนที่ติดสังคม เพื่อนชวนแล้วห้ามใจไม่ได้ผมมีเทคนิคหนึ่งที่ใช้ประจำคือ "กำลังถือศลี5อยู่😇" เชื่อสิเพื่อนคุณจะงง🤨ไปเลย แล้วถ้าเพื่อนเป็นพุทธรับรองเขาจะเข้าใจแล้วเลิกตอแยเลย
-ของทอดไขมันสูงๆ กินได้น่ะ แต่พยายามห้ามใจโหน่วยย ไม่ให้กินบ่อยนาจา
2.ออกกำลังกาย
มนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องใช้กำลังตั้งแต่บรรพบุรุษของเราเลย
และแล้ว..วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็เกิดขึ้นมาตามลำดับสร้างความอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ทำให้มนุษย์ขี้เกียจขึ้น
ในทางกลับการเรายังมีการพัฒนาของวิทยาศาสตร์ทางกีฬา งั้นวิจัยหลากหลายก็แสดงถึงประโยชน์ของการออกกำลัง แล้วเรายังไม่ทำ
แนะนำสำหรับมือใหม่ลองเป้าเล็กๆดูว่า จะออกสัปดาห์ล่ะวันก่อน อย่าพึ่งคิดถึง3วันต่อสัปดาห์เลย
เริ่มต้นให้รอดจากเล็กๆก่อน จากนั้นก็ค่อยเพิ่ม 3วันต่อสัปดาห์ วันล่ะ30นาทีกำลังดีแล้วแต่คุณภาพการออกกำลังกายของคุณ
----------------------------------------------------------------------
เห็นได้ชัดเจนว่าความสุขที่เกิดขึ้นจากตัวเองนั้น ที่เอ่ยมา2ข้อแรกจะเป็นเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย ทำไม๊น้อออ...(ติ๊กต่อกๆ 🤔) นั้นก็เพราะว่าถ้าร่างกายเราดี อย่างอื่นก็จะดีมาตามหลัง ต้องเริ่มต้นจากสุขภาพร่างกาย สังเกตุยามเราเจ็บป่วยนอนบนเตียงสิ เราจะไม่ขออะไรนอกจากขอให้ร่างกายดีขึ้น.
ทีนี้หากสุขภาพดีแล้วละก็เรามาสร้างความสุขกับสุขภาพจิตกัน...
----------------------------------------------------------------------
3.คาดหวังเล็กๆ อย่าไปเครียด!
แน่นอน ว่าเราน่าจะเคยได้ยินสำนวนตลกๆช่วงที่เราเคร่งเครียดกับการสอบกันว่า "อ่านเยอะลืมเยอะ อ่านน้อยลืมน้อย ไม่อ่านไม่ลืมเลยยยย" ฮ่าๆ แต่ผมว่าสำนวนน่าจะใช้กับ
ชีวิตเราได้เหมือนกันน่ะ ลองทำอะไรๆคาดหวังเล็กๆพอ
แล้วใช้ชีวิตแบบไม่เครียดดด แค่นี้ก็ทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นแล้ว
4.นั่งสมาธิ
ตอนนี้ในหลายๆประเทศ อย่างเช่นประเทศฝั่งตะวันออกเริ่มมีความสนใจศึกษาพระพุทธศาสนากันมาก และหนึ่งในวิถีของการปฏิบัติธรรมที่ได้รับการยอมรับอย่างล้นหลาย ทั้งยังสามารถประยุกต์กับชีวิตประจำวันอีกด้วย พร้อมทั่งยังมีงานวิจัยอีกมากมายที่ตีแผร่มาว่าการนั่งสมาธิสามารถสร้างความสุขได้ แค่นั้นยังไม่พอในศาสตร์อย่าง intelligent emotional management ยังมีใช้การนั้งสมาธิเป็นเครื่องมือที่ทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นได้อีกก
รู้ขนาดนี้แล้วอย่างลืมเราไปใช้น่ะครับ...ได้ผลยังไงบอกโผมมมหน่อย :)
Triple S
ซึ่งแต่ล่ะคนก็จะมีนิยามของความสุขที่แตกต่างกัน
บ้างก็มีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว บ้างก็มีความสุขกับวัตถุ เช่น รถ บ้าน กระเป๋าแพงๆอันเป็นที่รัก ซึ่งก็ไม่ผิดที่ความสุขของแต่ล่ะคนจะไม่เหมือนกัน
แต่วันนี้จะเผยเคล็ดไม่ลับ..ที่เราจะมาสร้างความสุขด้วยตัว ด้วยความคิด ด้วยจิตและร่างกาย ของตัวเองล้วนๆ ให้เราตื่นขึ้นมารู้สึกสดชื่นและร่าเริง ลองเอาไปใช้กันดู รับรองการันตีว่าชีวิตดีขึ้นแน่นอน ซึ่งในบทความนี้จะแบ่งการสร้างความสุขด้วยตัวเองกัน 2 ทางคือ 1ทางร่างกาย และ 2ทางจิตใจ สปอยขนาดนี้แล้วมาดูอันแรกกัน
1.เลือกกิน!....ภาษาอังกฤษจะมีประโยคว่า you are what you eat ไม่ได้แปลว่ากินอะไรเป็นอย่างงั้นน่ะ!! เช่นกินไก่แล้วจะเป็นไก่น่ะ 5555
แต่หมายความว่า หากคุณบริโภคแต่ของอาหารดีที่คุณประโยชน์ของอาหารเหล่านั้นก็จะส่งผลดีกับสุขถาพของคุณเอง ซึ่งอาหารดีๆนั้นไม่ได้แปลว่าให้เลือกกินอาหารที่ราคาแพงๆน่ะ แต่เป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์โดยหลักการบริโถคเราเรียนมาตั้งแต่ประถมแล้วก็กลับไปทบทวนละกัน โปรตีน คารบ์ วิตามินและไขมัน ซึ่งส่วนนี้ผมจะไม่ค่อยพูดถึง
แต่!.... อาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพน่ะสิที่เราๆส่วนใหญ่มักจะลืมนึกถึง บางคนถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นมาเช่นป่วยรุนแรงทำนองนั้นล่ะก็..คงไม่หลีกเหลี่ยงหรอกครับ
อาหารที่ควรจะเหลี่ยงและที่ผมเป็นห่วงม๊ากกกที่สุดเป็นลำดับน่ะครับ
-เครื่องดื่มน้ำตาล เจ้าชาไขมุกตัวดีรู้มั้ยว่า น้ำตาลมันมากถึง เกือบ14-20ช้อนชาเลย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้บริโภคเพียง4-6ช้อนชาต่วันเอง แล้วยิ่งการตลาดสมัยนี้มีแต่ชาไขมุกเต็มบ้านเต็มเมืองเลย ของประเภทนี้ควรลดน่ะคร้าบบบ ลองมาดื่มพวกนมจืดหรือนมถั่วธัญพืช น้ำผลไม้ดูแรกๆอาจจะไม่ชินแต่เครื่องแล้วล่ะก็ ดีแน่นอน
-บุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันนี้หลายแรงมากเลิกได้ก็เลิกเลยน่ะครับ สำหรับคนที่ติดสังคม เพื่อนชวนแล้วห้ามใจไม่ได้ผมมีเทคนิคหนึ่งที่ใช้ประจำคือ "กำลังถือศลี5อยู่😇" เชื่อสิเพื่อนคุณจะงง🤨ไปเลย แล้วถ้าเพื่อนเป็นพุทธรับรองเขาจะเข้าใจแล้วเลิกตอแยเลย
-ของทอดไขมันสูงๆ กินได้น่ะ แต่พยายามห้ามใจโหน่วยย ไม่ให้กินบ่อยนาจา
2.ออกกำลังกาย
มนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องใช้กำลังตั้งแต่บรรพบุรุษของเราเลย
และแล้ว..วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็เกิดขึ้นมาตามลำดับสร้างความอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ทำให้มนุษย์ขี้เกียจขึ้น
ในทางกลับการเรายังมีการพัฒนาของวิทยาศาสตร์ทางกีฬา งั้นวิจัยหลากหลายก็แสดงถึงประโยชน์ของการออกกำลัง แล้วเรายังไม่ทำ
แนะนำสำหรับมือใหม่ลองเป้าเล็กๆดูว่า จะออกสัปดาห์ล่ะวันก่อน อย่าพึ่งคิดถึง3วันต่อสัปดาห์เลย
เริ่มต้นให้รอดจากเล็กๆก่อน จากนั้นก็ค่อยเพิ่ม 3วันต่อสัปดาห์ วันล่ะ30นาทีกำลังดีแล้วแต่คุณภาพการออกกำลังกายของคุณ
----------------------------------------------------------------------
เห็นได้ชัดเจนว่าความสุขที่เกิดขึ้นจากตัวเองนั้น ที่เอ่ยมา2ข้อแรกจะเป็นเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย ทำไม๊น้อออ...(ติ๊กต่อกๆ 🤔) นั้นก็เพราะว่าถ้าร่างกายเราดี อย่างอื่นก็จะดีมาตามหลัง ต้องเริ่มต้นจากสุขภาพร่างกาย สังเกตุยามเราเจ็บป่วยนอนบนเตียงสิ เราจะไม่ขออะไรนอกจากขอให้ร่างกายดีขึ้น.
ทีนี้หากสุขภาพดีแล้วละก็เรามาสร้างความสุขกับสุขภาพจิตกัน...
----------------------------------------------------------------------
3.คาดหวังเล็กๆ อย่าไปเครียด!
แน่นอน ว่าเราน่าจะเคยได้ยินสำนวนตลกๆช่วงที่เราเคร่งเครียดกับการสอบกันว่า "อ่านเยอะลืมเยอะ อ่านน้อยลืมน้อย ไม่อ่านไม่ลืมเลยยยย" ฮ่าๆ แต่ผมว่าสำนวนน่าจะใช้กับ
ชีวิตเราได้เหมือนกันน่ะ ลองทำอะไรๆคาดหวังเล็กๆพอ
แล้วใช้ชีวิตแบบไม่เครียดดด แค่นี้ก็ทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นแล้ว
4.นั่งสมาธิ
ตอนนี้ในหลายๆประเทศ อย่างเช่นประเทศฝั่งตะวันออกเริ่มมีความสนใจศึกษาพระพุทธศาสนากันมาก และหนึ่งในวิถีของการปฏิบัติธรรมที่ได้รับการยอมรับอย่างล้นหลาย ทั้งยังสามารถประยุกต์กับชีวิตประจำวันอีกด้วย พร้อมทั่งยังมีงานวิจัยอีกมากมายที่ตีแผร่มาว่าการนั่งสมาธิสามารถสร้างความสุขได้ แค่นั้นยังไม่พอในศาสตร์อย่าง intelligent emotional management ยังมีใช้การนั้งสมาธิเป็นเครื่องมือที่ทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นได้อีกก
รู้ขนาดนี้แล้วอย่างลืมเราไปใช้น่ะครับ...ได้ผลยังไงบอกโผมมมหน่อย :)
Triple S
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น