การพัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้เกิดปัญญาอย่างสมดุลสำหรับพนักงานระดับบริหาร

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นบทความประกอบแบบสำรวจความคิดเห็นสมาชิก CMM เพื่อนำไปใช้สำหรับการวาแผนการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารสำหรับปี 2563
เพราะเราเห็นว่า ในโลกปัจจุบันนี้ อะไรไๆก็เปลี่ยนแปลงไปมากมาย แม้กระทั่งองค์ความรู้ที่เราสะสมกันมาหลายปีจากประสบการณ์การทำงาน ยังดูเหมือนว่า หลายๆองค์ความรู้ที่เมื่อก่อนต้องอาศัยการสะสมประสบการณ์การทำงานหลายๆปีจึงจะมีขึ้นได้
                                                           สนใจตอบแบบสอบถามสำหรับCMM
แต่ในวันนี้ คนยุคใหม่สามารถเข้าถึงความรู้นั้นเพียงปลายนิ้ว ขอเพียงแค่มีความกระหายอยากรู้อะไรในโลก ก็สามารถเข้าถึงสิ่งนั้นได้ ความเป็นผู้เชี่ยวชาญของเรา กำลังถูกท้าทายด้วยความเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ

ที่กล่าวมาข้างต้น ความรู้เหล่านั้น กำลังถูกทดแทนด้วยสิ่งหนึ่งที่ หลายๆคนเริ่มกลัว นั่นก็คือ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ นั่นเอง ความรู้เหล่านี้ที่ AI นำมาประมวลผลคือความรู้ที่อยู่เหนือภูเขาน้ำแข็ง ส่วนที่จับต้องได้ในรูปฐานข้อมูล ตัวปัญญาที่สร้างขึ้นมาจากAI ก็เกิดจากการคำนวณโดยใช้เงื่อนไขหรือ Criteria ต่างๆคำนวณหาคำตอบ
แต่ความรู้ กับปัญญาของAI แตกต่างกันกับของ มนุษย์มีสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ คือการนำการประมวลเอาองค์ความรู้ที่จับต้องได้ มาผนวกร่วมกับความเข้าใจในสิ่งที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง โดยใช้ความเข้าใจในมนุษย์ และหลักคิด คุณธรรม ทัศนะ ที่สะสมมาแต่เดิมของแต่ละคน มาเป็นข้อกำหนดหรือCriteria ในการประมวลผล
และสำหรับผู้ที่อยู่ในตำแหน่งบริหาร ย่อมทราบดีว่า ในการจัดการงานให้ได้ประสิทธิภาพนั้น จะต้องใช้ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับมนุษย์ หลักคิด ทัศนะ ที่เหมาะสมมาประกอบร่วมด้วย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นทักษะที่ผู้บริหารสมัยใหม่ต้องมี คือทักษะในการดำดิ่งเข้าไปค้นหาสิ่งที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง เพื่อที่จะได้เข้าใจทั้งตนเองและผู้อื่น และนำสิ่งเหล่านั้นมาประกอบเข้ากับฐานความรู้ที่เคยร่ำเรียนมา หรือที่เคยมีประสบการณ์มา รวมทั้งการใช้หลัก คุณธรรม ความเข้าอกเข้าใจ ทัศนะคติ ปณิธาน ต่างๆมาเป็น Criteria ในการตัดสินใจ
มันเป็นสิ่งที่ ANC ได้มองเห็นและตระหนัก ว่าอุปสรรคอันหนักหน่วงที่เกิดขึ้นในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนานวตกรรม การขยายฐานธุรกิจ และการเสริมสร้างศักยภาพทั่วทั้งองค์กร สาเหตุหนึ่งก็คือเราขาดสมดุลในการพัฒนาองค์ความรู้ ระหว่าง เหนือภูเขาน้ำแข็งและใต้ภูเขาน้ำแข็ง
เรามีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญด้านความรู้ในตำราและการให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ความสำเร็จอย่างมาก จนอาจจะมองด้านที่มาของความสำเร็จ และองค์ประกอบด้านSoftside น้อยไปหน่อย
และนั่นคือที่มาว่า ทำไมเราจึงได้เริ่มโครงการ Softside Management การใช้ Flock การประชุมแบบDialogue การอบรมในรูปแบบWorkshop และการประชุม CMMทุกเดือน
                                       สนใจตอบแบบสอบถามสำหรับCMM
สำหรับใครที่เข้าอบรม Softside อย่างสม่ำเสมอ ก็เริ่มจะได้ยินศัพท์ใหม่ๆ เช่น Coach, FAcilitator, Mentor บ่อยขึ้น ว่ามันเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เป็นผู้บริหาร หรือหัวหน้างาน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าจะทำให้ทีมงานทำงานให้สำเร็จ ผู้ที่เป็นผู้นำในทีมน้ันๆ ต้อง รู้ทั้งคน รู้ทั้งงาน ส่วนว่าต้องเก่งทั้งสองด้านหรือไม่นั้น ก็ขอบอกว่า แล้วแต่ว่าเป็นผู้บริหารระดับใหน


ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องมองแบบองค์รวมได้ ต้องเก่งเรื่องคนให้มากๆ
ในปี 2563 นี้ โครงการพัฒนาด้านSoftside ยังคงมีต่อไป และ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาผู้บริหารของเราให้มีความรอบด้าน ทั้งเรื่องคน และเรื่องงาน
ในขณะที่เรื่องงานก็ต้องพัฒนา แต่เรื่องคนก็ต้องทำไปพร้อมๆกัน ในทำนองว่า


“หาฟืนไปด้วย หุงข้าวไปด้วย”
เรารู้ดีว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อมั่นในแนวทางที่บริษัท กำลังทำอยู่
และเราเชื่อว่าคุณพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการตอบคำถามเพียงเล็กน้อยเหล่านี้ เพื่อที่เราจะได้เข้าใจคุณมากขึ้น

กรุณาคลิ๊กที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้เพื่อตอบแบบสำรวจความเห็นCMMเกี่ยวกับการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้เกิดปัญญาอย่างสมดุล
คลิ๊ก ตอบแบบบสำรวจ


ความคิดเห็น